แจกวิธีเดินสายไฟ ติดตั้งง่าย ๆ ไม่ง้อช่าง
ปัจจุบันไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสำหรับทุกคนเพราะอุปกรณ์หลายๆ อย่างภายในบ้านก็จะต้องพึ่งพาไฟฟ้าทั้งนั้น แม้ไฟฟ้าจะมีประโยชน์อันมากมายหากติดตั้งไม่ถูกวิธีก็จะแอบแฝงไปด้วยอันตรายเช่นเดียวกัน ดังนั้นอยากมาแจก วิธีเดินสายไฟ ภายในบ้านให้ปลอดภัย ใช้งานได้ยาวนาน ติดตั้งเองง่ายๆ ไม่ต้องง้อช่าง
8 วิธีเดินสายไฟด้วยตัวเอง
การเดินสายไฟที่ผิดวิธี อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา ดังนั้นต้องรีบตามเข้ามาศึกษา 8 เคล็ดลับการเดินสายไฟด้วยตนเอง ดังนี้
1.ประเภทของสายไฟ
ขั้นตอนแรกจะต้องเลือกประเภทสายไฟสำหรับติดตั้งในบ้านเรือนที่ได้มาตรฐานตาม มอก.
2.เตรียมอุปกรณ์
เตรียมอุปกรณ์สำหรับการเดินสายไฟให้ครบ ประกอบไปด้วย ค้อน คีม ไขควง สว่านเจาะไม้ เลื่อยปากไม้ มีดปอกสายไฟ บักเต้า เข็มขัดรัดสาย ฟุตเหล็กกับดินสอ เหล็กนำศูนย์ เทปพันสายไฟ เป็นต้น เพื่อทำให้เก็บงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.กำหนดจุดที่จะติดตั้งระบบไฟ
วิธีเดินสายไฟ กำหนดจุดติดตั้งให้เหมาะสมและครอบคลุมต่อการใช้งาน หากต้องการเดินสายไฟเพื่อใช้สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวก็ควรเดินสายไฟและติดตั้งปลั๊กไฟ ให้เพียงพอต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเพียงพอต่อจำนวนวัตต์ อาทิ ตู้เย็น ไมโครเวฟ เป็นต้น
4.การเดินสายไฟ
สำหรับการเดินสายไฟมีด้วยกัน 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วย การเดินสายไฟแบบติดผนัง การเดินสายไฟแบบฝังในผนัง และการเดินสายไฟแบบร้อยท่อ แต่ละแบบสามารถเลือกนำไปใช้ได้แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละจุด
5.ติดตั้งตู้เซอร์กิต
สำหรับ วิธีเดินสายไฟ อีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญที่ช่วยให้ปลอดภัยจากไฟฟ้าลัดวงจร ก็คือการติดตั้งตู้เซอร์กิต เพราะจะเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยตัดระบบกระแสไฟฟ้าได้อัตโนมัติหากพบเจอกับความผิดปกติในวงจรไฟฟ้า
6.การรีดสายไฟ
การรีดสายไฟจะช่วยทำให้สายไฟที่นำมาเดินมีความตรงเป็นแนวสวยงาม เมื่อนำไปติดเข้ากับเข็มรัดจะช่วยทำให้สามารถรัดแน่นยิ่งขึ้น
7.ทดสอบระบบเดินสายไฟ
การทดสอบระบบสายไฟหลังเดินสายไฟเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญ ต้องตรวจเช็กว่าตรงไหน มีกระแสไฟรั่ว มีกลิ่นไหม้ หรือไม่ หากพบว่ามีความผิดปกติจะต้องรีบแก้ไขทันที
8.ทดสอบระบบเดินสายไฟ
สายไฟจะมีอายุการใช้งานประมาณ 15 ถึง 20 ปี หากเดินสายแบบท่อร้อยจะมีอายุเพิ่มขึ้นประมาณ 5-10 ปี เมื่อใกล้หมดอายุการใช้งานควรตรวจสอบดูสภาพของสายไฟยังเหมือนเดิมหรือไม่ หากพบว่าเริ่มแตกลาย แข็งกรอบ จะบีบงอแล้วหัก ต้องรีบเปลี่ยนสายไฟใหม่ทันที
ตรวจระบบเดินสายไฟ ต้องเช็กอะไรบ้าง
- ทดสอบมิเตอร์ไฟฟ้า : เริ่มด้วยการปิดสวิตช์ไฟทุกจุด ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ จากนั้นทดสอบมิเตอร์ไฟฟ้าด้วยการดูว่าเฟืองเหล็กยังหมุนอยู่หรือไม่ หากหมุนอยู่แสดงว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่ว ต้องรีบหาจุดรั่วและเปลี่ยนใหม่ทันที
- ตรวจสอบเมนสวิตช์ : ดูว่าภายในตู้มีมดเข้าไปทำรังหรือไม่ Circuit Breaker สามารถใช้ปลดวงจรระบบไฟฟ้าได้หรือไม่ ช่วยป้องกันไฟดูดไฟรั่วได้ดีอยู่หรือไม่ หาอุปกรณ์ชำรุดจะต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
- ตรวจสอบสายไฟ : ต้องตรวจสอบว่ามีสายไฟส่วนไหนชำรุดเสียหายบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะสายไฟที่ซ่อนอยู่บนฝ้า หากผ่านการใช้งานนานๆ หรือเกิดการกัดแทะจากหนูจนทำให้สายขาด เมื่อพบจะต้องเปลี่ยนโดยด่วน
- ตรวจสอบเต้ารับไฟฟ้า : ตรวจสอบดูว่าหลวม มีรอยร้าว มีรอยไหม้ หรือไม่ หากพบว่าหลวมจะต้องรีบขันสกรูให้แน่นดังเดิม แต่หากแตกร้าวหรือมีรอยไหม้ต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
- ตรวจสอบเครื่องใช้ไฟฟ้า : ตรวจสอบว่ามีเครื่องใช้ไฟฟ้ารั่วหรือไม่ หากพบว่ามีการรั่วจะต้องหยุดใช้งานทันที ทุกเครื่องใช้ไฟฟ้าจะต้องสังเกตว่ามีการติดตั้งสายดินถูกต้องหรือไม่ หากไม่มีควรรีบติดตั้งให้เรียบร้อยเพื่อช่วยลดอันตรายจากการถูกไฟฟ้าดูด
สรุปบทความ
จบไปแล้วสำหรับ วิธีเดินสายไฟ เองง่าย ๆ อย่างถูกวิธี ไม่ต้องง้อช่าง รวมถึงวิธีตรวจเช็กระบบการเดิน สายไฟฟ้า ง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ด้วยตนเองแต่หากไม่มีความมั่นใจที่จะติดตั้งด้วยตนเองแนะนำให้ช่างไฟฟ้าที่มีความชำนาญเกี่ยวกับการวางระบบ สายไฟบ้าน เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับทุกชีวิตภายในบ้านและช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้